Last updated: 5 พ.ย. 2567 | 118 จำนวนผู้เข้าชม |
แจกพิกัดวัดชื่อดังในจังหวัดสมุทรสาคร
1.วัดท่าไม้ (Wat Tha Mai)
วัดดังสมุทรสาครในอำเภอกระทุ่มแบน ที่หลายคนน่าจะคุ้นชื่อจากสติ๊กเกอร์ยอดฮิตติดท้ายรถ เดิมที่นี่เคยเป็นสำนักสงฆ์ ชื่อว่า “สำนักสงฆ์โพธิธรรมรังษี (ท่าไม้)” เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวท่าไม้ มีชื่อเสียงด้านเมตตามหานิยม และพิธีกรรมตามความเชื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การดูดวงแก้กรรม การเสริมดวงชะตา และแก้ปีชงต่างๆ ที่สายมูทั้งหลายต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของวัดแห่งนี้ ด้วยเจ้าอาวาสวัดท่าไม้ พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร หรือหลวงพี่อุเทน ได้รับการยอมรับว่าดูดวงแม่นเป็นอย่างมาก ซึ่งท่านมักจะลงมานั่งที่หน้ากุฏิเจ้าอาวาสเพื่อพบปะกับญาติโยมอยู่เป็นประจำ
2. วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร (Wat Lak Si Rat Samoson)
อีกหนึ่งวัดดังจังหวัดสมุทรสาครในสังกัดมหานิกาย มีไฮไลต์ของวัดเป็นอุทยานหลวงพ่อโตมหายานจำลอง ศิลปะแบบจีน ประดิษฐานอยู่ตรงกลางถ้ำภูเขาและน้ำตกอย่างงดงามและยิ่งใหญ่ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนั่งสมาธิ สงบจิตใจ ปล่อยวางจากความว้าวุ่นต่างๆ ภายในวัดยังมีหลวงพ่อโต พระพุทธรูปโบราณในสมัยอู่ทอง มีเนื้อหินทรายแดงฉาบปูน ปางมารวิชัย ประดิษฐานอยู่ด้านในวิหารหน้าวัด ให้เข้าไปสักการะเพิ่มความเป็นสิริมงคล เสริมสร้างความเจริญก้าวหน้า และโชคลาภให้แก่ผู้ที่มาขอพร
3. วัดโกรกกราก (Wat Krok Krak)
วัดเก่าแก่แห่งจังหวัดสมุทรสาคร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน มีอายุเกือบ 200 ปี หลวงพ่อปู่วัดโกรกกราก หรือพระประธานในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปศิลาแลง ปางมารวิชัย อายุกว่า 100 ปี มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะเป็นพระพุทธรูปที่สวมแว่นดำ ด้วยความเชื่อในอดีตที่เล่ากันต่อมาว่า ผู้นำชุมชนได้บนบานสานกล่าวไว้ หากโรคเกี่ยวกับดวงตาที่เป็นอยู่หายไปจะนำแว่นดำมาถวายเพื่อแก้บน ปรากฏว่าหายจากโรคตาจนเป็นปกติ จึงได้นำแว่นตาดำมาถวาย หลวงพ่อปู่วัดโกรกกรากจึงกลายเป็นที่เคารพบูชาของชาวสมุทรสาครมาจนถึงปัจจุบัน
4. วัดใหญ่บ้านบ่อ (Wat Yai Ban Bo)
อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของจังหวัดสมุทรสาคร กับวัดใหญ่บ้านบ่อ ในตำบลบ้านบ่อ เป็นวัดที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับการสร้าง แต่เป็นวัดที่มีทั้งโบสถ์เก่าแก่ อายุกว่า 300 ปี และอาคารเก่า พร้อมซากปรักหักพังกับพระพุทธรูปเก่าแก่มากมาย รวมถึงพระพุทธรูปปางเลไลยก์ ประดิษฐานติดอยู่กับหน้าอุโบสถ ให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปกราบไหว้สักการะเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล
5. วัดใหญ่จอมปราสาท (Wat Yai Chom Prasat)
วัดใหญ่จอมปราสาท หรือเรียกอีกชื่อว่า “วัดจอมปราสาท” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นอารามหลวงขนาดใหญ่ที่มีสถาปัตยกรรมและศิลปะการแกะสลักบานประตูไม้ของพระอุโบสถที่ประณีต วิจิตรงดงาม มีความลึกเข้าไปในเนื้อไม้ถึง 4 ชั้น จนคล้ายกับภาพสามมิติ ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนให้วัดนี้เป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ 27 กันยายน ปี พ.ศ. 2479
6. วัดโคกขาม (Wat Khok Kham)
วัดสวยสมุทรสาครที่คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย และเป็นที่ประดิษฐานพระคู่บ้านคู่เมืองของไทยอย่าง “พระพุทธสิหิงค์” องค์ที่ 4 ศิลปะสมัยเชียงแสนยุคต้น มีอายุกว่า 300 ปี ทำให้วัดแห่งนี้เป็น 1 ใน 4 แห่งของไทย ที่มีองค์พระพุทธสิหิงค์ให้พุทธศาสนิกชนได้เข้ากราบไหว้เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัว ซึ่งภายในวัดโคกขามยังเก็บโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ ในรัชกาลพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือ ไว้หลายอย่างอีกด้วย
7. วัดนางสาว (Wat Nang Sao)
จากเรื่องเล่าสมัยอยุธยาที่มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งหนีภัยสงครามจากพม่าเข้ามาหลบซ่อนใน "โบสถ์มหาอุตม์" ของวัด ซึ่งเป็นอุโบสถที่มีลักษณะพิเศษ มีฐานโค้งเป็นรูปเรือสำเภาก่ออิฐ มีประตูเข้าออกเพียงประตูเดียวไม่มีหน้าต่าง ขื่อด้านบนใช้ไม้ซุงทั้งต้น และหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาแบบเก่า โดยมีสองพี่น้องที่ต่างอธิษฐานต่อหน้าองค์พระในโบสถ์มหาอุตม์ว่า หากปลอดภัยจากทหารพม่าจะสร้างวัดถวาย ต่อมาคนพี่จึงได้สร้างวัดถวาย โดยใช้ชื่อว่าวัดกกเตย ส่วนคนน้องบูรณวัดร้างแล้วใช้ชื่อว่า วัดพรหมจารีราม แต่ชาวบ้านในย่านนี้จะเรียกวัดน้องสาว และได้เพี้ยนจนกลายเป็นวัดนางสาวนั่นเอง
8. วัดธรรมจริยาภิรมย์ (Wat Tham Chariya Phirom)
วัดสวยสมุทรสาครอีกหนึ่งแห่ง ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านแพ้ว เดิมชื่อ “วัดใหม่มธุรส” แต่ได้มีการเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดธรรมจริยา” ตามนามของท่านพระครูธรรมจริยา โดยเติมคำว่า “ภิรมย์” ซึ่งมีความหมายว่า “ยินดียิ่ง” ต่อท้าย วัดธรรมจริยาภิรมย์มีพระธาตุสีเหลืองทองสวยอร่ามชื่อว่า “พระมหาธาตุรัตนเจดีย์” ซึ่งมีหลวงพ่ออู่ทอง เป็นพระประธาน นอกจากนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ให้ได้เคารพสักการะ ไม่ว่าจะเป็น รอยพระพุทธบาทจำลอง พระราหู พระพุทธเจ้าปางประสูติ รูปปั้นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เป็นต้น
9. วัดท่ากระบือ (Wat Tha Krabue)
วัดท่ากระบือแห่งอำเภอกระทุ่มแบน เป็นวัดที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ด้วยความโดดเด่นของพระองค์ใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง คือ พระไพโรจน์วุฒาจารย์ (หลวงพ่อรุ่ง) องค์พระมีขนาดหน้าตักกว้าง 9 เมตร 9 เซนติเมตร สูง 12 เมตร 9 เซนติเมตร โดยท่านเป็นที่เคารพนับถือของชาวกระทุ่งแบนเป็นอย่างมาก ภายในอุโบสถของวัดยังประดิษฐานรูปหล่อหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่รุ่ง ให้ได้กราบไหว้เสริมความเป็นสิริมงคล อีกทั้งยังมีเครื่องรางของขลังต่างๆ ให้ผู้มีจิตศรัทธา หรือสายมูทั้งหลายได้เช่าติดไม้ติดมือกลับบ้านกันด้วยย
10. ศาลพันท้ายนรสิงห์ (Phanthai Norasing Shrine)
ศาลพันท้ายนรสิงห์ หรืออุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์ เล่ากันว่าพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้ายเรือที่ทำให้หัวเรือพระที่นั่งเอกชัย ของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือ แห่งกรุงศรีอยุธยาหักจนตกลงไปในน้ำ ซึ่งตามโบราณราชประเพณี ความผิดเช่นนั้นจะต้องโดนประหารชีวิต แต่ด้วยความที่เป็นทหารคนสนิท พระเจ้าเสือจึงไม่อยากประหาร พันท้ายนรสิงห์จึงกราบบังคมทูลให้ประหารชีวิตตนตามกฎมณเฑียรบาล เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา พระเจ้าเสือจึงมีรับสั่งให้นำศีรษะของพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกชัยที่หัก ขึ้นพลีกรรมไว้บนศาลที่สร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดี ศาลพันท้ายนรสิงห์จึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ผู้คนนิยมกราบไหว้ ขอพรให้ประสบผลสำเร็จในชีวิตนั่นเอง
.
ขอขอบคุณข้อมูล : https://www.ktc.co.th/article/travel-guide/thailand/temples-in-samut-sakhon